กฎการเล่นมังกรไทเกอร์

กฎการเล่นมังกรไทเกอร์ ดราก้อนไทเกอร์ เกมไพ่ดราก้อนไทเกอร์ (เสือมังกร) เป็นเกมไพ่ที่ได้รับความนิยมอันดับต้นๆ ในหมู่นักพนันแถบเอเชีย ในส่วนของวิธีการเล่นมีความคล้ายคลึงกันกับเกมบาคาร่า แต่จะแตกต่างกันในเรื่องของกติกา โดยเกมไพ่ ดราก้อนไทเกอร์ นั้นจะมีประวัติความเป็นมาหลังจากการเกิดขึ้นของเกมไพ่บาคาร่า เพราะเกมไพ่ดราก้อนไทเกอร์ชนิดนี้ จะมีการนำจุดด้อยต่างๆ ของบาคาร่า มาปรับเปลี่ยนจนเกิดเป็นเอกลักษณ์การเล่นที่เหมาะสมจนเกิดเป็นเกมไพ่ดราก้อนไทเกอร์ หรือในชื่อสากลว่า Dragon Tiger อย่างในปัจจุบัน

ดราก้อนไทเกอร์ (Dragon Tiger) หรือที่บางคนอาจจะรู้จักในชื่อ เสือมังกร เป็นอีกหนึ่งเกมที่มีวิธีการเล่นง่าย ไม่ซับซ้อน ในการเล่นเกม ดราก้อนไทเกอร์ จะทำการแจกไพ่ให้ฝั่งละ 1 ใบเท่านั้น การวัดผลแพ้ชนะจะดูที่แต้มของไพ่เท่านั้นไม่มีการเทียบดอก วิธีการเล่นคือ ให้เลือกเดิมพันว่าจะเลือกแทง ฝั่งเสือ (น้ำเงิน) หรือ ฝั่งมังกร (แดง) ฝั่งไหนที่ได้แต้มสูงกว่าจะเป็นผู้ชนะ

กติกาการเล่น กฎการเล่น มังกรไทเกอร์

ในแต่ละเกมการเดิมพันจะมีเวลาให้วางเดิมพันทั้งหมดประมาณ 25-30 วินาทีเท่านั้น ทั้งนี้จะขึ้นอยู่กับเว็บไซต์ที่ให้บริการ และโต๊ะที่ท่านเล่นเดิมพันด้วย ดังนั้นท่านควรดูให้ดีก่อนเล่นเดิมพัน

ผู้เล่นจะต้องเลือกเดิมพันในช่อง มังกร (สีแดง) พยัคฆ์ (สีเหลือง) หรือ เสมอ

หลังจากที่หมดเวลาลงเดิมพันแล้ว ดีลเลอร์จะเป็นคนแจกไพ่ให้ฝั่งละ 1 ใบ โดยฝั่งที่ชนะคือ ฝั่งที่มีแต้มมากกว่า เกมดราก้อนไทเกอร์เป็นเกมไพ่ที่เล่นแบบไพ่เดียวจบ ดังนั้นถือว่าเป็นการวัดดวงกันไปเลยว่าฝั่งไหนจะมีแต้มที่เยอะกว่า

รูปแบบการแทง อัตราการจ่าย

เกมดราก้อนไทเกอร์เป็นอีกหนึ่งเกมไพ่ที่กำลังได้รับความนิยม และมาแรงมากๆ ในตอนนี้ เพราะดราก้อนไทเกอร์มีลักษณะการเล่นที่ค่อนข้างง่าย มากๆ ไม่ซับซ้อน และมีอัตราการจ่ายเงินเยอะอีกด้วย นอกจากนั้นท่านสามารถที่จะรู้ผลการเดิมพันได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นดราก้อนไทเกอร์จึงเป็นเกมพนันออนไลน์ที่นักพนันเข้ามาใช้บริการกันจำนวนมาก

กติกาการเล่น

ผู้เล่นจะต้องเลือกเดิมพันในช่อง มังกร (สีแดง) พยัคฆ์ (สีเหลือง) หรือ เสมอ

รูปแบบการแทง อัตราการจ่าย

แทงฝั่งมังกร (สีแดง)

การแทงฝั่งมังกร หรือ แทงฝั่งสีแดง เป็นการที่เลือกวางเดิมพันว่าแต้มของฝั่งมังกรจะมากกว่าแต้มของฝั่งพยัคฆ์ (เสือ) ซึ่งผู้เล่นฝั่งมังกรจะได้รับไพ่ และมีโอกาสได้เปิดไพ่ก่อน ดังนั้นทำให้รู้คะแนนก่อน โดยอัตราการจ่ายเงินเดิมพันอยู่ที่ 1 : 1 เท่าของยอดเดิมพัน

ตัวอย่างการแทงไพ่ดราก้อนไทเกอร์ : ผู้เล่นเลือกวางเดิมพันฝั่งมังกร จำนวนเงิน 100 บาท หากแต้มของฝั่งมังกรชนะ ผู้เล่นจะได้รับเงินจากการชนะเดิมพัน 200 บาท รวมเงินลงเดิมพัน

แทงฝั่งพยัคฆ์ (สีเหลือง)

การแทงฝั่งมังกร หรือ แทงฝ่ายสีเหลือง เป็นการที่เลือกวางเดิมพันว่าแต้มของฝั่งพยัคฆ์ (เสือ) จะมากกว่าแต้มของฝั่งมังกร ซึ่งผู้เล่นฝ่ายพยัคฆ์จะได้รับไพ่ทีหลัง ทำให้รู้คะแนนทีหลังฝั่งมังกร โดยอัตราการจ่ายเงินเดิมพันอยู่ที่ 1 : 1 เท่าของยอดเดิมพันเช่นเดียวกัน

ตัวอย่างการแทงไพ่ดราก้อนไทเกอร์ : ผู้เล่นเลือกวางเดิมพันฝ่ายพยัคฆ์ จำนวนเงิน 100 บาท หากแต้มของฝั่งพยัคฆ์ชนะ ผู้เล่นจะได้รับเงินจากการชนะเดิมพัน 200 บาท รวมเงินลงเดิมพัน

แทงเสมอ (Tie)

การแทงเสมอ เป็นการที่เลือกวางเดิมพันว่าแต้มของทั้งสองฝั่งจะมีค่าเท่ากัน ซึ่งโอกาสที่ไพ่ทั้งสองฝั่งจะออกมาเสมอกันนั้นเป็นไปได้ยากกว่าการวางพันรูปแบบอื่นๆ จึงทำให้อัตราจ่ายเงินเดิมพันสูงถึง 1 : 10 เท่าของยอดเดิมพันกันเลยทีเดียว

ตัวอย่างการแทงไพ่ดราก้อนไทเกอร์ : ผู้เล่นเลือกวางเดิมพันเสมอ จำนวนเงิน 100 บาท หากแต้มของทั้งสองฝั่งเท่ากัน ผู้เล่นจะได้รับเงินจากการชนะเดิมพัน 1,100 บาท รวมเงินลงเดิมพัน

หมายเหตุ : หากเกมในตานั้นออกมาเป็นเสมอ ผู้เล่นที่เลือกวางเดิมพันฝั่งพยัคฆ์ หรือ ฝั่งมังกร จะต้องเสียเงินเดิมพันครึ่งหนึ่งของยอดเดิมพัน ยกตัวอย่างเช่น วางเดิมพัน 100 บาท จะต้องเสียเงินเดิมพัน 50 บาท

แทงฝั่งมังกรคี่

การแทงฝั่งมังกรคี่ เป็นการที่เลือกวางเดิมพันว่าแต้มของฝั่งมังกรจะออกเป็นจำนวนคี่ โดยอัตราการจ่ายเงินเดิมพันอยู่ที่ 1 : 1 เท่าของยอดเดิมพัน

ตัวอย่างการแทงไพ่ดราก้อนไทเกอร์ : ผู้เล่นเลือกวางเดิมพันฝั่งมังกรคี่ จำนวนเงิน 100 บาท หากแต้มของฝั่งมังกรออกเป็นจำนวนคี่ (1-3-5-9-11-13 แต้ม) ผู้เล่นจะได้รับเงินจากการชนะเดิมพัน 200 บาท รวมเงินลงเดิมพัน

แทงฝั่งมังกรคู่

การแทงฝั่งมังกรคู่ เป็นการที่เลือกวางเดิมพันว่าแต้มของฝั่งมังกรจะออกเป็นจำนวนคู่ โดยอัตราการจ่ายเงินเดิมพันอยู่ที่ 1 : 1 เท่าของยอดเดิมพัน

ตัวอย่างการแทงไพ่ดราก้อนไทเกอร์ : ผู้เล่นเลือกวางเดิมพันฝั่งมังกรคู่ จำนวนเงิน 100 บาท หากแต้มของฝั่งมังกรออกเป็นจำนวนคู่ (2-4-6-8-10-12 แต้ม) ผู้เล่นจะได้รับเงินจากการชนะเดิมพัน 200 บาท รวมเงินลงเดิมพัน

แทงฝั่งมังกรต่ำ

การแทงฝั่งมังกรต่ำ เป็นการที่เลือกวางเดิมพันว่าแต้มของฝั่งมังกรจะออกเป็น 1 – 6 แต้ม โดยอัตราการจ่ายเงินเดิมพันอยู่ที่ 1 : 1 เท่าของยอดเดิมพัน

ตัวอย่างการแทงไพ่ดราก้อนไทเกอร์ : ผู้เล่นเลือกวางเดิมพันฝั่งมังกรต่ำ จำนวนเงิน 100 บาท หากแต้มของฝั่งมังกรออกเป็นแต้มระหว่าง 1 – 6 แต้ม ผู้เล่นจะได้รับเงินจากการชนะเดิมพัน 200 บาท รวมเงินลงเดิมพัน

แทงฝั่งมังกรสูง

การแทงฝั่งมังกรสูง เป็นการที่เลือกวางเดิมพันว่าแต้มของฝั่งมังกรจะออกเป็น 8 – 13 แต้ม โดยอัตราการจ่ายเงินเดิมพันอยู่ที่ 1 : 1 เท่าของยอดเดิมพัน

ตัวอย่างการแทงไพ่ดราก้อนไทเกอร์ : ผู้เล่นเลือกวางเดิมพันฝั่งมังกรสูง จำนวนเงิน 100 บาท หากแต้มของฝั่งมังกรออกเป็นแต้มระหว่าง 8 – 13 แต้ม ผู้เล่นจะได้รับเงินจากการชนะเดิมพัน 200 บาท รวมเงินลงเดิมพัน

แทงฝั่งพยัคฆ์คี่

การแทงฝั่งพยัคฆ์คี่ เป็นการที่เลือกวางเดิมพันว่าแต้มของฝั่งพยัคฆ์ (เสือ) จะออกเป็นจำนวนคี่ โดยอัตราการจ่ายเงินเดิมพันอยู่ที่ 1 : 1 เท่าของยอดเดิมพัน

ตัวอย่างการแทงไพ่ดราก้อนไทเกอร์ : ผู้เล่นเลือกวางเดิมพันฝั่งพยัคฆ์คี่ จำนวนเงิน 100 บาท หากแต้มของฝั่งพยัคฆ์ออกเป็นจำนวนคี่ (1-3-5-9-11-13 แต้ม) ผู้เล่นจะได้รับเงินจากการชนะเดิมพัน 200 บาท รวมเงินลงเดิมพัน

แทงฝั่งพยัคฆ์คู่

การแทงฝั่งพยัคฆ์คู่ เป็นการที่เลือกวางเดิมพันว่าแต้มของฝั่งพยัคฆ์ (เสือ) จะออกเป็นจำนวนคู่ โดยอัตราการจ่ายเงินเดิมพันอยู่ที่ 1 : 1 เท่าของยอดเดิมพัน

ตัวอย่างการแทงไพ่ดราก้อนไทเกอร์ : ผู้เล่นเลือกวางเดิมพันฝั่งพยัคฆ์คู่ จำนวนเงิน 100 บาท หากแต้มของฝั่งพยัคฆ์ออกเป็นจำนวนคู่ (2-4-6-8-10-12 แต้ม) ผู้เล่นจะได้รับเงินจากการชนะเดิมพัน 200 บาท รวมเงินลงเดิมพัน

การนับแต้มไพ่ดราก้อนไทเกอร์

วิธีการเล่นเกมไพ่เสือมังกร จะเริ่มด้วยการแจกไพ่ให้ฝั่งผู้เล่นก่อน จากนั้นจะแจกให้ฝั่งเจ้ามือ โดยจะได้รับเพียงคนละ 1 ใบเท่านั้น ผู้เล่นจะต้องเลือกเดิมพันฝั่งมังกร (Dragon) ฝั่งเสือ (Tiger) หรือเสมอกัน (Tie) เมื่อวางเดิมพันเสร็จจะทำการเปิดไพ่ทันที เพื่อดูว่าแต้มฝั่งไหนมากที่สุด สำหรับวิธีการนับแต้มของเกมเสือมังกรจะเรียงจากแต้มต่ำสุดไปหาแต้มสูงสุด ดังนี้

A มีค่าเท่ากับ 1 แต้ม

2 , 3 , 4 , 5 , 6 , 7 , 8 , 9 , 10 มีค่าเท่ากับเลขหน้าไพ่

J มีค่าเท่ากับ 11 แต้ม

Q มีค่าเท่ากับ 12 แต้ม

K มีค่าเท่ากับ 13 แต้ม